วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2552

โปรแกรม:Ulead Video Studio 9
(เนื้อหาส่วนที่ 3)
Ulead Editor Program

Navigation Panel
Navigation Panel นี้เป็นส่วนสำหรับควบคุมต่างๆ แยกหน้าที่ตามโหมดของการทำงาน
Navigation Panel ใช้สำหรับดูภาพและแก้ไขคลิปในโครงการ ใช้ Navigation Controls เลื่อนไปมาทั้งในคลิปหรือโครงการ ใช้ Trim Handles และ Jog Slider ในการแก้ไขคลิป
เมื่อจับภาพวีดีโอจากกล้องวีดีโอดิจิตอล Navigation Controls ใช้สำหรับควบคุมอุปกรณ์ ใช้ปุ่มต่างๆ เพื่อควบคุมกล้องวีดีโอดิจิตอล หรืออุปกรณ์อื่นๆ



1 Play Mode เลือกว่าคุณจะดูวีดีโอ (preview) ทั้งโครงการหรือว่าเฉพาะคลิปที่เลือก
2 Play ดูวีดีโอทั้งโครงการปัจจุบันหรือว่าคลิปที่เลือกไว้, หยุดชั่วขณะ หรือว่าดูวีดีโอต่อ
3 Home กลับไปที่เฟรมแรกของวีดีโอ
4 Previous ถอยกลับไปยังเฟรมที่แล้ว
5 Next ไปยังเฟรมถัดไป
6 End ไปยังเฟรมสุดท้ายของวีดีโอ
7 Repeat กำหนดให้เล่นซ้ำ
8 System Volume คลิกแล้วลากตัวเลื่อนเพื่อปรับความดังของเสียงลำโพง
9 Timecode คุณสามารถไปยังส่วนต่างๆ ของโครงการหรือคลิปที่เลือกไว้ได้อย่างง่ายดาย เพียงระบุเวลาของคลิปตรงจุดนี้
10 Mark-in/out ใช้ปุ่มเหล่านี้ในการกำหนดขอบเขตของการพรีวิวในโครงการ, หรือกำหนดจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของคลิป
11 Jog Slider ใช้เลื่อนไปมาทั้งในโครงการหรือคลิปเพื่อดูเฟรม ณ ตำแหน่งของ Jog Slider หรือใช้สำหรับกำหนดจุดตัดคลิปออกเป็นส่วนๆ
12 Trim Handles ใช้สำหรับกำหนดขอบเขตของการพรีวิวในโครงการ หรือกำหนดขอบเขตของคลิปที่จะเหลือไว้ใช้งาน
13 Cut Clip ใช้สำหรับตัดคลิปที่เลือกออกเป็น 2 ส่วน เลื่อน Jog Slider ไปยังจุดที่คุณต้องการตัด จุดนี้เป็นเฟรมสุดท้ายของคลิปแรกและเป็นเฟรมแรกของคลิปที่สอง แล้วคลิกที่ปุ่มกรรไกรนี้ คลิปจะแยกออเป็น 2 ส่วน
14 Enlarge Preview Window คลิกเพื่อขยายขนาดของหน้าต่างดูภาพ (preview) คุณสามารถดูได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขคลิปได้เมื่อหน้าต่างดูภาพขยายใหญ่
การควบคุมกล้องวีดีโอดิจิตอลด้วย Navigation Panel
เมื่อจับภาพจากกล้องวีดีโอดิจิตอล ใช้ Navigation Panel กรอเทปและหาตำแหน่งของ scene ที่ต้องการจับภาพ




1 Shuttle Control ลาก Shuttle Control เพื่อกรอเทปไปข้างหน้าและหลังตามระดับความเร็วที่มีอยู่ เป็นการค้นหา scene ในวีดีโอที่ต้องการดูได้อย่างรวดเร็ว
2 Play เล่นเทป/หยุดเล่นเทปชั่วขณะ
3 Stop หยุดเล่นเทป
4 Rewind กรอกลับเทป
5 Preview Frame ถอยหลังทีละเฟรม
6 Next Frame ไปข้างหน้าทีละเฟรม
7 Forward กรอเทปไปข้างหน้า
8 System Volume คลิกและลาก slider เพื่อปรับความดังเสียงของลำโพง
หมายเหตุ : นำภาพมาจาก Help ของ Ulead


Project Timeline
Project timeline อยู่ด้านล่างของหน้าต่าง VideoStudio Editor ใช้สำหรับตัดต่อวีดีโอ โปรดศึกษารายละเอียดต่างๆ ที่อยู่ในส่วนนี้ให้เข้าใจ เพราะเป็นส่วนสำคัญในการตัดต่อวีดีโอ เมื่อเข้าใจเครื่องมือต่างๆ ดีแล้ว จะทำให้สามารถตัดต่อวีดีโอได้อย่างรวดเร็ว
ใน Project timeline ประกอบไปด้วย Storyboard, Timeline, และ Audio View. คลิกที่ปุ่มด้านซ้ายของ project timeline เพื่อสลับไปยังส่วนประกอบอื่นๆ


Storyboard View
Storyboard View เป็นหนทางที่เร็วที่สุดและง่ายที่สุดในการเพิ่มคลิปวีดีโอหรือทรานสิชั่น เข้ามาในโครงการเพื่อทำการตัดต่อ รูปภาพขนาดเล็กแต่ละรูปใน storyboard เป็นภาพเฟรมแรกของคลิปวีดีโอ ทำให้เราทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์แต่ละช่วงของวีดีโอ หรือเป็นภาพของทรานสิชั่น ระยะเวลาของแต่ละคลิปจะแสดงอยู่ที่ด้านล่างของภาพขนาดเล็ก




ใน Storyboard นี้ คุณสามารถแทรกหรือเรียงลำดับคลิปวีดีโอได้โดยการลากแล้ววาง เช่น ลากคลิปวีดีโอจากไลบรารี่มาแทรกใน Storyboard เพื่อตัดต่อ กรณีที่มีคลิปเป็นจำนวนมาก มีการเรียงลำดับเหตุการณ์ไม่ถูกต้อง คุณก็สามารถลากคลิปวีดีโอเพื่อเรียงลำดับให้ถูกต้องตามที่ต้องการได้ ลบคลิปที่ไม่ต้องการออกจาก Storyboard สามารถแทรกเอ็ฟเฟ็กต์ทรานสิชั่น เข้าไประหว่างคลิปวีดีโอได้ คุณสามารถกำหนดขอบเขตของคลิปวีดีโอที่เลือกได้จากหน้าต่างพรีวิว หมายถึง การกำหนดขอบเขตของวีดีโอจากคลิปที่เลือกให้มีระยะเวลาสั้นลงโดยไม่ต้องทำการตัดต่อ คือ คลิปวีดีโอมีความยาว 1 นาที แต่เราสามารถกำหนดขอบเขตเป็น เริ่มต้นวินาทีที่ 20 ถึงวินาทีที่ 40 เมื่อนำไปสร้างเป็นไฟล์วีดีโอ ข้อมูลของคลิปวีดีโอนี้ก็จะถูกนำไปเขียนเป็นไฟล์วีดีโอตั้งแต่วินาทีที่ 20 ถึงวินาทีที่ 40 เท่านั้น (ภาษาอังกฤษเรียกว่า trim) รวมทั้งยังสามารถลากคลิปวีดีโอไปวางในไลบรารี่เพื่อไว้นำกลับมาใช้ในภายหลังได้อีกด้วย





คลิกปุ่ม เพื่อขยายการแสดงผล storyboard ให้เต็มหน้าจอภาพ ด้วยพื้นที่ที่ใหญ่ขึ้นนี้ ทำให้คุณสามารถที่จะเรียงลำดับคลิปวีดีโอ และใส่ทรานสิชั่นระหว่างคลิปวีดีโอได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้แล้วยังมีจอภาพขนาดเล็กที่ด้านล่างของหน้าต่างที่ช่วยให้คุณสามารถดูคลิปวีดีโอได้
Timeline View
Timeline View แสดงให้คุณเห็นถึงมุมกว้างของส่วนต่างๆ ในโครงการ แยกโครงการออกเป็นแทร็คของวีดีโอ, overlay, ตัวหนังสือ, เสียงบรรยายและดนตรีประกอบ Timeline View ช่วยให้คุณตัดต่อวีดีโอได้อย่างถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น เพราะว่าจะเห็นทุกแทร็ค จะตัดต่อส่วนใด ก็เลือกแทร็คที่ต้องการแล้วทำการตัดต่อ

1 Zoom controls อนุญาตให้คุณเปลี่ยนการเพิ่มขึ้นของ timecode ใน Timeline ruler เมื่อคุณเลื่อนตัวเลื่อน จะทำให้ระยะห่างของเวลาเปลี่ยนไป
2 Ripple Editing Enable/Disable Ripple Editing. When enabled, allows you to select which tracks to apply it to.
3 Track buttons คลิกปุ่มเพื่อสลับไปมายังแทร็คอื่นๆ
4 Insert media files แสดงเมนูให้คุณเลือกเพื่อแทรกคลิปวีดีโอ, เสียงหรือภาพเข้ามาในโครงการเพื่อทำการตัดต่อ หรือหากมีคลิปวีดีโอ,เสียงหรือภาพอยู่ในไลบรารี่อยู่แล้วก็สามารถใช้ลากเข้ามาในโครงการแทนก็ได้
5 Timeline scroll control เปิด/ปิดการเลื่อน Timeline เมื่อมีการดูคลิปที่เกินคลิปปัจจุบันที่กำลังดูอยู่ เมื่อคุณคลิกคลิปวีดีโอที่ต้องการดูภาพแล้วต้องการดูวีดีโอไปเรื่อยๆ จนจบ หากปิดตัวเลือกนี้ โปรแกรมจะแสดงภาพวีดีโอไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้มีการเลื่อน Timeline ดังนั้นคลิปวีดีโอเริ่มต้นที่คุณคลิกเลือกก็จะแสดงอยู่ในหน้าต่าง Timeline โดยไม่มีการเลื่อน แต่หากคุณเปิดตัวเลือกนี้ โปรแกรมจะแสดงคลิปวีดีโอใน Timeline เลื่อนไปเรื่อยๆ ตามคลิปวีดีโอที่ได้แสดงในหน้าต่างพรีวิว
6 Project scroll control ใช้ปุ่มซ้ายและขวา หรือลาก Scroll Bar เพื่อเลื่อนไปยังส่วนต่างๆ ของโครงการ เช่น อยู่ที่คลิปต้นๆ ของโครงการ หากต้องการไปยังส่วนกลาง หรือคลิปท้ายๆ ของโครงการ ก็ให้ลาก Scroll Bar เพื่อไปยังส่วนที่ต้องการ
7 Selected range แถบสีนี้แทนส่วนของคลิปหรือโครงการที่ได้กำหนดขอบเขต (trim) หรือที่ถูกเลือกไว้
8 Timeline ruler เป็นบรรทัดแสดงเวลาของโครงการ ในรูปแบบ ชั่วโมง : นาที : วินาที.เฟรม ซึ่งช่วยคุณกำหนดความยาวของคลิปและโครงการ
9 Video Track บรรจุไปด้วยคลิปวีดีโอ ภาพ สี และทรานสิชั่น
10 Overlay Track บรรจุคลิป overlay ซึ่งจะเป็นคลิปวีดีโอ ภาพหรือสี
11 Title Track บรรจุคลิปของตัวหนังสือ
12 Voice Track บรรจุคลิปเสียงบรรยาย
13 Music Track บรรจุคลิปดนตรีจากไฟล์เสียง
14 Fit Project in Timeline Window ขยายหรือย่อการแสดงคลิปทั้งหมดในโครงการให้พอดีกับหน้าต่าง Timeline กรณีที่คุณเคยย่อการแสดงผลไว้ หรือมีการขยายการแสดงผลคลิปต่างๆ ใน Timeline ไว้ เมื่อคลิกปุ่มนี้ จะเป็นการแสดงคลิปทั้งหมดให้พอดีกับหน้าต่าง Timeline
การสลับไปยังแทร็คอื่นๆ :
คลิกปุ่มใน Step Panel ที่มีลักษณะตรงกันกับแทร็ค เช่น ถ้าต้องการไปยังแทร็คเสียงก็คลิกปุ่ม Audio ใน Step Panel
คลิกปุ่มแทร็ค
ดับเบิ้ลคลิกแทร็คที่ต้องการ หรือคลิกคลิปบนแทร็ค
Audio View
Audio View อนุญาตให้คุณปรับระดับเสียงของคลิปวีดีโอ เสียงบรรยายและดนตรีประกอบ


คลิปที่มีเสียงบรรจุอยู่จะถูกแสดงพร้อมกับ volume rubber band (ดูภาพประกอบ) ที่คุณสามารถคลิกและลากเพื่อปรับระดับเสียงได้ อยากให้เสียงตรงส่วนใดดังกว่าปกติ ก็คลิกบนเส้นแล้วลากขึ้นด้านบน หรือต้องการเสียงเบาลง ก็ให้คลิกเส้นแล้วลากลง
ใน Audio View ส่วน Options Panel จะแสดง Audio Mixing Panel ที่ใช้ปรับระดับเสียงของแทร็ควีดีโอ, Overlay, เสียงบรรยาย และดนตรีประกอบ


หมายเหตุ : นำภาพมาจาก Help ของ Ulead

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

การศึกษากับสื่อมัลติมีเดีย


การศึกษากับสื่อมัลติมีเดีย

ในปัจจุบัน เมื่อกล่าวถึงคำว่า สื่อมัลติมีเดีย จะหมายถึง การใช้คอมพิวเตอร์แสดงผล ในลักษณะผสมสื่อหลายชนิดเข้าด้วยกัน โดยเน้นที่การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เห็น ได้เลือก และรับฟังข้อมูลข่าวสารผ่านจอคอมพิวเตอร์ โดยข้อมูล และข่าวสารต่างๆ จะรวมรูปแบบของ ตัวอักษร รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียง และ วีดีโอ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตอบโต้ และมีปฎิสัมพันธ์กับสื่อโดยตรงได้ และเมื่อนำสื่อมัลติมีเดียมาใช้กับการศึกษา จึงนิยมเรียกว่าสื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษา
Interactive Multi E-Learning
เป็นการสร้างสื่อการเรียนการสอนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้น ขั้นตอนที่สามารถจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของการเรียนรู้ของผู้เรียน และนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง คือขั้นตอนการออกแบบ (Instructional Design) ผู้สร้างสื่อการสอนทีดีจำเป็นจะต้องพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ในการออกแบบ รวมทั้งหลักจิตวิทยาในการสร้างสื่อการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับบทเรียน หรือวัตถุประสงค์การเรียนรู้ของแต่ละรายวิชา จากทฤษฎีการเรียนรู้ของมนุษย์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาใช้ในการออกแบบสื่อการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และถือว่ามีความสำคัญต่อการเรียนการสอนแบบ E-Learning นั่นก็คือ สื่อปฏิสัมพันธ์ หรือที่เรียกว่า Interactive Content โดยรูปแบบของ สื่อปฏิสัมพันธ์นั้น โดยส่วนใหญ่นั้นจะถูกนำไปประยุกต์ใช้ในรูปแบบการเรียนการสอนแบบออนไลน์ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet) หรือผ่านทางเครือข่ายภายใน (Intranet) ก็ได้ ซึ่งรูปแบบการทำงานของสื่อการเรียนการสอนแบบ สื่อปฏิสัมพันธ์ (Interactive Content) ที่หลากหลายนั้น จะเปิดโอกาสให้เกิดการส่งเสริมการกระจายองค์ความรู้ให้ครอบคลุมผู้เรียนได้กว้างและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นผู้สอน อาจารย์ หรือครูที่เป็นเจ้าของหลักสูตรหรือรายวิชา จำเป็นจะต้องใช้เครื่องมือที่สามารถสนับสนุนการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน ตามคุณสมบัติดังกล่าว จากการทดลองใช้โปรแกรมผลิตสื่อแบบปฏิสัมพันธ์หลายๆ โปรแกรม ค้นพบว่า โปรแกรม Raptivity และโปรแกรม Elicitus เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่งในการช่วยให้ผู้สอน อาจารย์ หรือครูที่เป็นเจ้าของหลักสูตรหรือรายวิชา สามารถสร้างและพัฒนาสื่อการเรียนการสอนแบบ Learning Object ได้อย่างรวดเร็ว ง่าย ประหยัด ทันสมัย น่าสนใจ และเป็นไปตามมาตรฐาน E-Learning ที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน
Learning Multiplex Object Learning object หมายถึง การจัดรูปแบบสาระการเรียนรู้เป็นหน่วยย่อยที่เป็นอิสระ ใช้เวลาสำหรับการเรียนรู้ เป็นช่วงสั้นๆ ประมาณ 2 ถึง 15 นาที และถึงแม้ว่าจะเป็นการเรียนรู้แบบหน่วยย่อยก็ตาม Learning Object จะมีความสมบูรณ์ในตัวเอง ซึ่งในแต่ละเนื้อหาจะประกอบชื่อเรื่อง คำอธิบาย คำสำคัญ วัตถุประสงค์การเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ และ การประเมินผล สำหรับสื่ออิเล็กทรอนิกส์แบบ Learning Object จะมีโครงสร้างเนื้อหาที่ประกอบด้วย ข้อความทั้งที่เป็นแบบธรรมดา และแบบ hypertext ที่สามารถ linkเชื่อมโยงกับแหล่งความรู้อื่นได้ มีรูปภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว และกิจกรรมที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับสื่อ ความสำคัญของ Learning Object ประการหนึ่งก็คือ ผู้เรียนสามารถศึกษาและเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
การผลิตสื่อเพื่อตอบสนองการเรียนรู้ของผู้เรียน...

สื่อการเรียนรู้ในปัจจุบันทั้งที่กำลังพัฒนา และสื่อที่ผลิตสำเร็จออกมาสำหรับใช้เพื่อการเรียนการสอน ส่วนใหญ่มักมุ่งเน้นด้านวิชาการเป็นหลัก ดังนั้นสื่อที่ออกมามักไม่ค่อยสนองตอบต่อผู้เรียนเท่าใดนัก โดยเราจะพบว่าสื่อดังกล่าวจะขาดสิ่งเร้าและแรงเสริมเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความต้องการที่จะเรียน การเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากความต้องการของผู้เรียน หากแต่เกิดจากการบังคับ เราพบว่ามีสิ่งหนึ่งที่ไม่ต้องบังคับให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ผู้เรียนมีความต้องการที่จะเรียนและพร้อมที่จะศึกษาได้ด้วยตัวเอง สิ่งนั้นได้แก่ สื่อเกมคอมพิวเตอร์ (Computer Games Media) ด้วยเหตุผลดังกล่าวหากผู้พัฒนาสื่อเพื่อการเรียนรู้ได้คำนึงถึงความต้องการของผู้เรียนเป็นหลัก คำนึงถึงจิตวิทยาการเรียนรู้เพื่อตอบสนองความแตกต่างด้านสติปัญญา และพัฒนาสื่อการเรียนรู้ที่มีสาระทางวิชาการผนวกกับความท้าทายและความบันเทิงเข้าไปด้วยแล้ว คาดว่าผู้เรียนน่าจะหันมาสนใจสื่อการเรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รวมอยู่แล้วในสื่อเกมเพื่อการศึกษา หรือสื่อหรรษานั่นเอง
ประโยชน์สื่อมัลติมีเดียในด้านการศึกษา
1. ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจและสร้างความคิดรวบยอดในเรื่องที่เรียนได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
2. ช่วยให้ผู้เรียนมองเห็นสิ่งที่กำลังเรียนรู้ได้อย่างเป็นรูปธรรม
3. ช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง
4. สร้างสภาพแวดล้อมและประสบการณ์การเรียนรู้ที่แปลกใหม่
5. ส่งเสริมการมีกิจกรรมร่วมกันระหว่างผู้เรียน
6. เกื้อหนุนผู้เรียนมีความสนใจและความสามารถในการเรียนรู้ที่แตกต่างกันให้สามารถเรียนรู้ได้ทัดเทียมกัน
7. ช่วยเชื่อมโยงสิ่งที่ไกลตัวผู้เรียนให้เข้ามาสู่การเรียนรุ้ของผู้เรียน
8. ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการแสวงหาความรู้จากแหล่งข้อมูลต่างๆตลอดจนการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
9. ช่วยให้ผู้เรียนได้รับการเรียนรู้ในหลายมิติจากสื่อที่หลาหลาย
10. ช่วยกระตุ้นให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในเชิงเนื้อหา กระบวนการ และความรู้เชิงประจักษ์
11. ส่งเสริมให้เกิดทักษะ ได้แก่ ทักษะการคิด ทักษะการสื่อสาร
สามารถศึกษาข้อมูลตัวอย่างได้ที่

http://www.lms.moe.go.th/lms/content/learningobject/LAN/index.html